เกือบสิน้ำตาย้อยแล้วเด้อ!



5.
คุณ’ปราย คิดเบิ่งกะแล้วกัน
ข้อยผู้นั่งอยู่หนี่กะ
เกือบสิน้ำตาย้อยแล้วเด้อ
-----------
หวัดดีครับคุณ'ปราย
-----------
จะให้พูดถึงหนังสือที่ผมต้องอ่านก่อนตายนี่ อือ...พูดตรงๆ ผมยังไม่มีนะ และก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าชั่วชีวิตนี้จะมีโอกาสได้อ่านหรือเปล่า ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าหนังสือที่อ่านๆ อยู่ทุกวันนี้ไม่ดีนะครับ แต่ถ้าจะให้พูดถึงหนังสือที่รู้สึกชอบละก็ เออ...อันนี้ต้องคุยกันยาวล่ะ หนังสือที่ผมชอบ...ผมว่ายังไงมันก็ต้องเกี่ยวพันกับคนแต่งหรือตัวนักเขียนแน่ๆ ฟันธงเลยครับ ถ้านักเขียนไทยสุดยอดในดวงใจของผมก็คือ คุณ'รงค์ วงษ์สวรรค์ นั่นเอง จำได้ว่า คุณ'รงค์แกมีหนังสือออกมาประมาณร้อยกว่าปก (เรียกถูกหรือเปล่าเนี่ย) ผมอ่านไม่ครบทุกเล่มหรอกครับ ได้สักสามสิบสี่สิบเล่มกระมัง ที่จำได้ก็มี พูดกับบ้าน, เสเพลบอยชาวไร่, ปีนตลิ่ง, ดอกไม้ในถังขยะ, บางลำพูสแคว์, ลมบาดหิน, น้ำตาสองเม็ด, นักเลงโกเมน, สนิมสร้อย, ครูสีดา, โอ๊ย! จำไม่หวาดไม่ไหวหรอกครับ

พูดถึงหนังสือของคุณ'รงค์นี่ อธิบายไม่ถูกหรอกว่าชอบยังไง ผมรู้สึกเหมือนมันเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง เหมือนมันมีแรงดึงดูดเราให้เข้าไปหา มันมีอำนาจควบคุมเรา ได้เสพแล้วก็ต้องเสพอย่างต่อเนื่อง ผมว่าการได้อ่านหนังสือของคุณ'รงค์นี่มันน่าจะเหมือนคนชอบกินเหล้าได้กินเหล้า,คนชอบฟุตบอลได้เล่าหรือเชียร์บอล,คนชอบเข้าอาบอบนวดได้เข้าไปเลียบๆ เคียงๆ แถวหน้ากระจก (เปรียบเทียบแย่ไปมั้ยเนี่ย)น่าจะประมาณนั้นนะครับ
----------------
ได้เสพแล้วไม่อาจถอนตัวได้ ที่หนักกว่านั้นก็คือ ไม่มีความคิดจะเลิกราซะด้วยสิแต่มันจะแย่หน่อยก็ตรงที่...ขอพูดอะไรที่มันไม่เข้าท่าหน่อยนะครับ คือ เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าสุขภาพของคุณ'รงค์ ไม่ค่อยดี พูดก็พูดเถอะ เกิดคุณ'รงค์ แกเป็นอะไรไปนี่ใจหายนะครับ (ขอโทษเป็นอย่างสูงนะครับคุณ'รงค์ ผมเพียงแต่พูดในสิ่งที่ผมคิดอยู่น่ะครับ)
-------------
ถัดจากคุณ'รงค์ก็เป็น คุณ ลาว คำหอม
----------------
และนอกจากจะชอบหนังสือของแกแล้ว ผมยังชอบที่แกเป็นคนอีสานเหมียนผมเลยครับ (ท้องถิ่นนิยมมากไปรึเปล่าเอ่ย บ้านผมอยู่มหาสารคามครับ) ผมชอบ “ฟ้าบ่กั้น” ของคุณลาวมาก ในหนังสือฟ้าบ่กั้นนี่ ตรวคำนำจะมีกลอนอยู่บทหนึ่งซึ่งหากใครเป็นคนอีสานที่โบราณๆ หน่อยได้อ่านจะต้องซาบซึ้งแทบน้ำตาไหลเลยทีเดียวล่ะ กลอนบทนั้นคือ “คิดฮอดบ้านบุญผะเหวดคือสิหลาย คือ สิมีกันหลอนแห่งันลำฟ้อน ทศพอนกันต้นมหาพนใกล้สิเที่ยง เสียงมะลึกคึกคื้นอย่าลืมอ้ายผู้อยู่ไกล” (เด้อหล่าเด้อ)
--------------
คุณ'ปราย คิดเบิ่งกะแล้วกัน ข้อยผู้นั่งอยู่หนี่กะเกือบสิน้ำตาย้อยแล้วเด้อ
---------------
ผมนั่งอ่าน “เขียดขาคำ” อยู่บนถียงนาที่กลางทุ่งพร้อมกับมองเห็นภาพไปด้วย นั่นนายนาคนางามกำลังเดินฝ่าเปลวแดดกลับมาจากอำเภอ “โอ๊ย! เกิบคือบ่ใส่ บ่ฮ้อนตีนบ่น้ออ้าย” ผมเกือบร้องทัก ลูกสะแบงหลุดจากกิ่งแล้วหมุนติ้วตามแรงลมพัด (ลูกสะแบงนี่จะกลมๆ ขนาดโตกว่านิ้วโป้งมือสักเล็กน้อย มีปีกโค้งสองปีกติดอยู่) ตอนเป็นเด็กผมชอบวิ่งไปรับก่อนที่มันจะหล่นถึงพื้นดิน และหนองน้ำที่แห้งขอดจนดินแตกเขิบ (แตกระแหง) เอาบักเสียมเฮี่ยม (เสียมที่ใช้งานนานจนใบมันสั้น) ไปแซะตามร่องเพื่อหาเขียดอีโม้ เขียดขาคำ และนั่นงูเห่า-เอาไปผัดเผ็ดโลด
-------------
ผมอยู่กับสภาพแบบนี้มาตั้งแต่ “หัวท่อบักแข้ง” (หัว-ศีรษะเท่าลูกมะแว้ง) จนทุกวันนี้ “หัวท่อ-ม่อหนึ่ง” (หัว-ศีรษะเท่าหม้อนึ่งข้าวเหนียว) ผมว่าภาพทุกภาพมันฝังอยู่ใน DNA ของผมแล้วล่ะ ไม่เชื่อละก็ให้คุณหญิงพรทิพย์มาพิสูจน์ได้เลย รับรองคุณหมอไม่ท้อแน่ๆ เพราะหัวผมคนเดียวเอง (ฮา)
-------------
ปัจจุบันผมต้องเข้ามาทำมาหากินอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนหนังสือหนังหาที่ซื้อเอาไว้ก็ยังอยู่ที่เถียงนาที่บ้านนอกโน่นแน่ะ พี่สาวผมแกไปเลี้ยงวัวอยู่ที่ทุ่งนาทุกวันก็ช่วยดูแลหนังสือให้ผมอยู่ ไม่รู้แกได้เกี่ยวหญ้าให้หนังสือผมกินมั่งหรือเปล่านะ...เฮ้อ อดทนรอพ่อกลับไปเยี่ยมนะลูก (ผมขนกลับไปตอนเรียนจบใหม่ๆ น่ะครับ) กะว่าผมมีที่อยู่ในกรุงเทพฯ ชัวร์ๆ ก่อนแล้วก็จะไปขนมาอยู่ด้วย นึกๆ ดูก็น่าสงสารหนังสือเหล่านั้นนะครับ เกิดอยู่กรุงเทพฯ แท้ๆ กลิ่นเจ๊กยังไม่จางหายก็ต้องอพยพไปอยู่บ้านนอก ส่วนผมสิเกิดอยู่กลางทุ่งนากลิ่นปลาร้ายังโชยหึ่ง ดั๊นได้มาอยู่กรุงเทพฯ ซะนี่ โบกนี้มันไม่สมประกอบจริงๆ ว่ะ
---------------
ว่าไปแล้วผมว่าหนังสือที่เราอ่านๆ กันอยู่นี่ก็คือหนังสือที่เราต้องอ่านก่อนตายทั้งนั้นแหละครับ เพราะว่าเราได้อ่านมันในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ไงครับ ส่วนหลังจากที่เราตายไปแล้วนี่จะได้อ่านอะไรหรือไม่นั้น ไม่มีใครรับรองได้หรอกครับ (ผมว่าโดยสภาพความเป็นจริงแล้วคนตายน่าจะอ่านหนังสือลำบากนะครับ เพราะจะถูกจับนอนหงายและมีเงินเหรียญอุดปากอยู่น่ะ จะอ้าปากอ่านหนังสือก็กลัวเงินมันจะร่วงลงไปติดคอเดี๋ยวก็ได้ตายรอบสองกันหรอก จะอ่านในใจก็ไม่ค่อยมัน หรือคุณ ปรายว่าไงครับ จะตอบว่าไม่รู้เพราะไม่เคยตายก็ได้นะครับผมไม่โกรธหรอก เพราะผมเองก็ไม่เคยตายเหมือนกันครับ)
-----------------
ส่วนหนังสือต่างประเทศ (บ้านผมเรียกประเทศนอก) ผมก็ชอบของคุณ สตีเฟ่น คิง-ครับ ผมชอบโดโรเลส ไครบอนมาก อ่านซ้ำอ่านซากอยู่หลายเที่ยวแล้ว ผมว่าปลวกที่อยู่เถียงนาผมก็น่าจะชอบเหมือนกันนะ เพราะเห็นมันแทะขอบแหว่งไปเยอะเลย ผมชอบตอนมีสไครบอนแกใช้เทคนิคในการตอบคำถามของนักสืบ...หนึ่งจังหว่ะม้าย่อง สองจังหว่ะม้าย่อง แหม...อ่านแล้วนึกเห็นภาพเลยนะครับ เอ่อ...ไม่ใช่ภาพม้าเดินนะครับ แต่เป็นภาพของคนเหลี่ยมจัดสองคนกำลังฟัดเขี้ยวฟัดงากันน่ะ อ้ายสตีเฟ่น คิงนี่แกแน่จริงๆ ครับ พูดมาแล้วอยากเป็นกิ๊กกับสมองของแกจัง (ผมประยุกต์มาจากคำพูดของเพื่อนเฮียนิโคลัส เคจ ในหนังเรื่องล่าขุมทรัพย์อะไรนั่นน่ะครับ)
------------
หนังสือที่ผมได้อ่านในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และหนังสือเหล่านั้นก็นอนแอ้งแม้งอยู่ที่เถียงนาน้อยคอยนางของผมก็มีประมาณนี้ล่ะครับ เอ่อ...ของคุณ'ปรายก็มีนะครับ อ้าวก็อยู่ในมติชนนั่นงั๊ย...
--------------

เรื่องจาก : คุณบุญอุ้ม อุทัยประดิษฐ์
ประชาสงเคราะห์ ดินแดง กรุงเทพฯ 10400
ภาพจาก : www.tuneingarden.com
All Rights Reserved.
2006 Copyright©'prypansang