หนังสือปลุกใจเสือป่า โฮก!


1.
หนังสือปลุกใจเสือป่า ...โฮก!
ขอพูดสั้นๆ มันเป็นชีวิตผมว่ะ!
โคตรหวงเลยนะ
ช่วยเผาให้สักเล่มสิ
--------------

deadreading

best reading

ชั้นหนังสือคนตาย






ต้องยอมรับว่า "ชั้นหนังสือคนตาย" ของคุณๆ ที่เขียนส่งเข้ามา ล้วนแต่น่ารักน่าสนใจจริงๆ ขอยกตัวอย่าง "บางตู้" ของ "บางศพ" มาให้อ่านหน่อยก็แล้วกัน :) เรื่องแรก เป็นเรื่องราวตู้หนังสือของ "คุณธาตรี" เขียนมาว่า "หากคุณได้รับจดหมายฉบับนี้-คงหมายถึงผมไม่อยู่หรืออาจจะตายไปแล้ว ผมไม่รู้แน่หรอกนะว่าคุณคนที่กำลังอ่านเป็นใคร แต่ผมมั่นใจว่าคุณต้องเป็นคนที่ผมรักแน่ๆ เอ้า ! มาดูซิว่ามีอะไรกันบ้าง"
------------
"หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น-ผมกับหนังสือการ์ตูนถือว่ากรีดเลือดสาบาน คงเพราะเก็บกดมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นจะหาอ่านการ์ตูนสักเล่มยากแสนยาก ทั้งโดนผู้ใหญ่ว่าและไม่มีเงินซื้อ รู้ไหมว่าผมอ่านหนังสือออกตัวแรกและผมภูมิใจมาก คือคำว่า "โดเรม่อน"การ์ตูนทุกเล่มผมถือว่ามีบุญคุณที่หล่อหลอมให้กลายเป็นนักเขียนการ์ตูนจนถึงทุกวันนี้ พูดได้เต็มปาก-ผมอ่านการ์ตูนตั้งแต่เกิดยันตาย เศร้าใจอยู่อย่างเดียวตรงที่ผมมีหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นมากกว่าการ์ตูนไทยชนิดเทียบกันไม่ได้ เอ่อ...ในนั้นอาจจะมีการ์ตูนโป๊แซมบ้างสักหน่อย อย่าไปบอกใครนะว่าผมมี-ถ้าจะบอกช่วยหักหลักสิบออกด้วย"
--------------
"หนังสือปลุกใจเสือป่า ...โฮก-ขอพูดสั้นๆ "มันเป็นชีวิตผมว่ะ !" โคตรหวงเลยนะ ช่วยเผาให้สักเล่มสิ ในนั้นคุณน่าจะเห็นต้นฉบับการ์ตูนโป๊ที่ผมเขียนขึ้นเอาไว้อ่านเอง เซอร์ไพรส์ ! ผมเคยคิดอยากจะบอกให้คุณเอาไปพิมพ์แจกเป็นหนังสือที่ระลึกงานศพตัวเองนะ แต่ติดว่าไอ้ตัวนางเอกนี่ผมดันใช้ชื่อคนรู้จักนี่สิ"
--------------
"หนังสือวรรณกรรม-ผมอ่านเล่มแรกตั้งแต่อยู่ ป.3 คือ "โรบินสัน ครูโซ" ฉบับเยาวชนของสำนักพิมพ์เม็ดทราย ใช้เวลาอ่านนานมาก พออ่านจบเหมือนกับพิชิตยอดเขาได้ จากนั้นผมก็หาอ่านตามห้องสมุดเรื่อยมา ไม่ค่อยซื้อเพราะไม่มีตังค์ ทำไมวรรณกรรมมันถึงราคาไม่เท่าหนังสือการ์ตูนไปเลยนะ จำได้ว่าเล่มที่ซื้อเองครั้งแรกคือ "สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบ" (ป.4) วรรณกรรมแปลเยาวชนนั่นแหละ"

"ลามเรื่อยมาก็เป็นพวก "พล นิกร กิมหงวน" (เพราะราคามันถูก) มาซื้อเอาตายตอนช่วงเรียนราชภัฏฯ พวกซีไรท์ไทย ฯลฯ ก็ผมไม่รู้จะอ่านอะไรเลยซื้อเอาเล่มที่ใครๆ เขาว่าดีไว้ก่อน แต่เล่มหนึ่งที่ผมประทับใจมากคือ "จับตาย" รวมเรื่องเอก ของ มนัส จรรยงค์ ชอบมากๆ เลย หลังจากนั้นก็เป็น "เวลา" ชาติ กอบจิตติ, "แผ่นดินอื่น" กนกพงศ์ สงสมพันธ์, "หลังเที่ยงคืน" จำลอง ฝั่งชลจิตร, "ฉันจึงมาหาความหมาย" วิทยากร เชียงกูล แหม มันโดนใจในช่วงนั้น" ปิดท้ายด้วย "สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน" วินทร์ เลียววาริณ ก่อนที่ผมจะโบกมือลาวรรณกรรมเพื่อชีวิตของไทยชั่วคราว เมื่อรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบความท้ายทายและแปลกใหม่"
----------
"จากนั้นผมก็ไปตะลุยอ่านเฮอร์มาน เฮสเส-สเตปเปนวูล์ฟ,มิลาน คุนเดอรา, โอ"เฮนรี่, ดอสโตเยสกี้ ฯลฯ นั่นแหละ ไอ้พวกกระแดะๆ อ่านแล้วน่าฉลาดนี่ผมพยายามหามาอ่านหมด และก็แปลกใจที่เมื่ออ่านจบแล้ว ส่วนใหญ่ผมประทับใจกับพวกมันมาก"
-----------------------
"ต่อมาผมหันไปบ้าญี่ปุ่นอีก ตั้งแต่ คาวาบาตะ, รัมโป ลามมา มูราคามิ, ซูซูกิ โคจิ, ทากุจิ แรนดี้, โอตสึ อิจิ สักพักผมก็แวบมาบ้า "รงค์ หลังๆ ผมก็ย้อนกลับมาอ่านวรรณกรรมเยาวชนอีก สรุป รสนิยมจริงๆ ของผมคือ ผมชอบหนังสือที่ให้แรงบันดาลใจ ทั้งพิศวงชวนประหลาดใจผมเห็นด้วยกับที่ใครไม่รู้ว่าหนังสือเล่มหนึ่งๆ มันเหมาะกับแค่คนบางคนและบางช่วงเวลา หลังๆ นี่บางเล่มหน้าปกยังไม่อยากจะมอง แปลกใจว่าเคยชอบมันได้ยังไง เลยเอาไปบริจาคย้อนหลัง"
-------------
"ฉะนั้น เมื่อผมไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว หนังสือทั้งหมดที่เหลืออยู่ตรงหน้าคุณ ให้รู้เถิดว่ามันเป็นเพื่อนรักที่ไม่มีชีวิต (แต่มีจิตใจ) ของผม ผมอยู่กับมัน รักและภูมิใจในตัวพวกมัน-อิทธิพลของมันโคจรอยู่รอบตัวผม บัดนี้ผมขอโอนถ่ายมันให้กับคุณ มันเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณเต็มที่ที่จะทำอะไรกับมันก็ได้ตามสมควรโดยผมขอรับรองว่าจะไม่เป็นผีมาหลอกคุณแต่อย่างใด"
-------------------------------------------
-------------------------------------

2.

The God Father ปกขาดและหน้าสุดท้ายหายเล่มนั้น ที่พ่อทิ้งเป็นสมบัติไว้ให้ระลึกถึง

dead
reading
best
reading
ชั้นหนังสือ
คนตาย

สําหรับเรื่องราวตู้หนังสือส่วนตัวของคุณ "Barfinn" สาวใต้ ก็น่ารักไม่แพ้กัน เธอเขียนมาเล่าว่า "ตู้หนังสือของฉันประกอบด้วยหนังสือสองยุค ยุคแรกคือยุคที่ฉันเริ่มอ่าน หนังสือในยุคนี้จึงเป็นหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเป็นส่วนใหญ่ โดยเล่มโปรดก็มีหนังสือแปลของ หมอเจมส์ เฮอร์เรียต และ โรอัลห์ ดาห์ล ทุกเล่ม แตงดองแกล้มช็อกโกแลต ซาฮาร่าแดนฝัน เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก"
--------------
"ยุคที่สอง ยุคที่จินตนาการเริ่มจางหาย หนังสือที่อ่านส่วนใหญ่จึงไม่ใช่หนังสือวรรณกรรมเยาวชน (ยกเว้น แฮร์รี่ พอตเตอร์) แต่จะแบ่งเป็นหนังสือนวนิยาย หรือเรื่องสั้นไทยย้อนยุค เช่น เพชรพระอุมา สี่แผ่นดิน รัตนโกสินทร์ บูรพา ร่มฉัตร หนังสือของ สุวรรณี สุคนธา และ พล นิกร กิมหงวน ฉันอ่านหนังสือนวนิยายไทยย้อนยุคเพราะชอบภาษาและบรรยากาศเป็นสำคัญ"
----------------
"หนังสือแนวฆาตกรรม หักมุมก็เป็นอีกประเภทที่ฉันชอบเพราะชวนติดตาม ฉันจึงสะสมเรื่องสั้นแปลของมนันยา และหนังสือแปลของ โรจนา นาเจริญ นอกจากหนังสือทั้งสองแนวที่ชัดเจนแล้ว ในยุคนี้ฉันก็อ่านหนังสืออีกหลายแนว ทั้งสารคดี เรื่องสั้น นิยายชวนหัว ฯลฯ"
------------------
"หนังสือของฉันทุกเล่มฉันจะถนอมอย่างดี สำหรับฉันคงนับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่หนังสือไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะไม่ฉะนั้น ฉันคงถูกหนังสือหลายเล่มตัดพ้อจากการใช้งานที่ไม่สมกับที่พวกเค้าเป็นหนังสือ เพราะหนังสือเกือบทุกเล่มรับใช้ฉันแค่คนเดียว เนื่องจากฉันไม่มีพี่น้อง (นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่แม่ยังสงสัยไม่เลิกว่าทำไมฉันต้องซื้อหนังสือมาเก็บ เช่าอ่านไม่ดีกว่าหรือ) บางเล่มอาจโชคดีที่ฉันนำไปให้เพื่อนยืมอ่านพร้อมคำโฆษณายืดยาว"
---------------


---------------------
"ตั้งแต่เด็กแล้วที่ฉันอิจฉาเพื่อนๆ ที่พ่อแม่เก็บหนังสือดีๆ ไว้ให้ เพราะหนังสือที่บ้านมีอยู่น้อยมาก เนื่องจากแม่ของฉันเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ ส่วนพ่อนั้นแม้จะเรียกได้ว่าเป็นหนอนหนังสือ แต่หนังสือของพ่อจะไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง หนังสือที่บ้านทุกวันนี้ จึงล้วนแต่เป็นหนังสือที่ฉันสร้างขึ้นเอง (ยกเว้น The God Father ปกขาดและหน้าสุดท้ายหายเล่มนั้น ที่พ่อทิ้งเป็นสมบัติไว้ให้ระลึกถึง)
--------------
"โดยคิดเผื่อว่าวันหนึ่งถ้าฉันมีลูก ลูกของฉันจะได้คิดว่าเค้าเป็นเด็กโชคดีที่มีหนังสือดีๆ รอให้อ่าน คิดแล้วก็คงเหมือนเป็นการทดแทนสิ่งที่ฉันขาดในวัยเด็ก...เหมือนการเยียวยาตัวเอง"
-------------
"ถ้าฉันตายกะทันหันโดยไม่มีลูก เพื่อนรักคนหนึ่งจะเป็นคนจัดการเกี่ยวกับหนังสือ (หรือสมบัติบ้าที่แม่เรียก) ฉันอนุญาตให้เพื่อนรักเลือกหยิบไปได้ด้วยความสะดวกใจ ที่เหลือให้นำไปบริจาคตามสถานที่เห็นสมควร"
--------------
"โดยห้ามเอาไปขายแม้แต่เล่มเดียว"